เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๕ ธ.ค. ๒๕๖๒

เทศน์เช้า วันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๒

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต


ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี


ตั้งใจฟังธรรมะนะ วันนี้วันพระ ๆ วันพระผู้ประเสริฐ คนจิตใจที่ประเสริฐ คนจิตใจที่ประเสริฐเวลาสร้างสมบุญญาธิการมา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๔ อสงไขย ๘ อสงไขย ๑๖ อสงไขย เวลาคำว่า “อสงไขย” เวลาพระโพธิสัตว์ที่ใกล้เข้ามามันยิ่งมีคุณภาพ ยิ่งมีคุณธรรมไง ถ้ามีคุณธรรม สร้างแต่ความดีๆ ไง

เวลาหลวงตาท่านสอนนะ ใครจะดีจะชั่วเรื่องของเขาว่ะ ใครจะดีจะชั่วเรื่องของเขาว่ะ

แต่คนที่มีอำนาจวาสนามันมองแล้วมันเป็นคติธรรมไง อย่าทำอย่างนี้ อย่าทำอย่างนี้

หลวงตาท่านพูดเอง ท่านพูดกับเราบ่อย เวลาท่านไปวัดไหนก็แล้วแต่นะ ถ้าไปเห็นที่ไหนที่มันไม่ดี เออ! จำไว้นะ อย่าทำอย่างนี้

คนที่มีคุณภาพ มีสิ่งใดที่มันเป็นสิ่งที่ไม่ดีงาม เราดูแล้ว โลกเป็นอย่างนี้ กิเลสเป็นอย่างนี้ การชิงดีชิงชั่วเป็นอย่างนี้ เราอย่าทำนะ

แล้วเวลาเราคุยกันในวงการพระ ถ้ารู้ว่าสิ่งนั้นไม่ดี เราทำทำไม เราควรทำสิ่งที่ดีสิ อะไรที่มันดีงาม ที่มันดีแล้วกิเลสมันคันน่ะ กิเลสมันคัน มันเสียศักดิ์ศรี มันไม่เท่าเขา มันไม่ได้ จะไปแข่งชั่วกับเขา ถ้าไปแข่งชั่วกับเขานะ คนที่แข่งดีแข่งชั่ว หัวใจมันยังลุ่มๆ ดอนๆ อยู่ไง

ปัจจุบันนี้เราก็ทำคุณงามความดี พอมีปัญหาขึ้นมา อืม! เอาไว้ก่อน เอาไว้ก่อน เอาไว้ก่อนนะ

แต่ครูบาอาจารย์ของเรา เว้นไว้แต่ เวลาหลวงตาท่านนั่งตลอดรุ่งไง ท่านอยู่ที่หนองผือน่ะ ใครจะมาอะไรก็ไม่ได้ เจ็บไข้ได้ป่วยอะไรไม่เกี่ยว จะทำอย่างไรก็ไม่ยอม เว้นไว้แต่หลวงปู่มั่นป่วย ถ้าหลวงปู่มั่นป่วย ใครมาเรียก ลุกทันทีเลย เว้นพระมีปัญหา เวลาพระมีปัญหาขึ้นมา มันต้องไปตัดสิน

เว้นไว้แต่ นี่เว้นไว้แต่เรื่องคนอื่นทั้งนั้นเลย เว้นไว้แต่เรื่องของหลวงปู่มั่น เว้นไว้แต่เรื่องของวงการสงฆ์ แต่เรื่องของกูไม่มี เรื่องของกูนี่กดอย่างเดียว สติปัญญาซัดอย่างเดียว

เว้นไว้แต่ เห็นไหม ถ้าคำว่า “เว้นไว้แต่” มันเป็นสถานะ เว้นไว้แต่สิ่งที่ดีงาม ถ้าจิตใจเป็นธรรมๆ มันเป็นอย่างนี้ไง

แต่ของเราเว้นไว้แต่ โอ๋ย! กูเหนื่อย เว้นไว้แต่กูเหนื่อย กูจะนอน เออ! เว้นไว้แต่เพื่อกูไง แล้วบอกว่าประพฤติปฏิบัติไม่เห็นกิเลสเลย ไม่เห็นกิเลสเลย สมาธิเป็นตัวตนนะ

แล้วเว้นไว้แต่กูจะนอน ไม่ใช่ตัวตนหรือ ก็เรื่องของเราทั้งนั้นน่ะ ถ้าเรื่องของเรา กิเลสเราทั้งนั้น ถ้าเรื่องของเราต้องเป็นเรื่องธรรมะ แต่เรื่องสาธารณะให้เป็นธรรมๆ ถ้าความเป็นธรรม ความเป็นประเสริฐนะ

ถ้าวันพระวันนี้เป็นผู้ประเสริฐๆ หัวใจที่ประเสริฐนะ มันมีจุดยืนของมัน แล้วเวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อนุปุพพิกถา เวลาจะไปเทศนาว่าการที่ไหน เผยแผ่ธรรม ให้เขาทำทานก่อนๆ เวลาทำทานขึ้นมาเพราะอะไร

เพราะว่าธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็อยู่ในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธรรมขึ้นมา ธรรมะของพระสารีบุตรก็เป็นของพระสารีบุตร เวลาธรรมะของหลวงปู่มั่นก็อยู่ในใจหลวงปู่มั่น เวลาธรรมะของหลวงปู่เสาร์ก็อยู่ในใจหลวงปู่เสาร์ เวลาเทศนาว่าการมาเป็นความจำทั้งสิ้น ถ้าเป็นความจำทั้งสิ้น นี่ระดับของทานๆ

อ้าว! องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านก็สอนนิพพานเลยสิ ญาติโยมให้นิพพานทั้งหมดเลย

มันเป็นไปได้อย่างไรล่ะ นิพพาน จิตที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ จิตนี้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เวลาวิปัสสนาญาณรู้แจ้งในจิตของตน ถ้ารู้แจ้งในจิตของตนคือแก้กิเลสของตน การแก้กิเลสของตนมันเกิดจากมรรค ๘ ศีล สมาธิ ปัญญา มันแก้ แก้ในใจของตน

แล้วแก้ในใจของตน มันไม่ศึกษา มันไม่สนใจ มันไม่มีอำนาจวาสนาเลย มันส่งออก ชี้ไปหมดเลย ชี้หมดเลย นิ้วหนึ่งชี้ว่าคนอื่นเลวทราม ไอ้สี่นิ้วตัวกูไม่เห็นน่ะ แล้วตัวกูไม่เห็น เห็นไหม

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้ามาในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สิ่งที่ท่านวางไว้ ท่านถึงบอกว่าให้อนุปุพพิกถา ให้ทำทานก่อน ให้ทำทาน เพราะใครทำ ใจของผู้นั้นเป็นคนทำ แล้วใจของผู้นั้นเป็นผู้รับบุญกุศล ใจของผู้นั้นถือเนกขัมมะ ถือเนกขัมมะแล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงแสดงธรรม เพราะแสดงธรรมแล้วมันเข้าถึงหัวใจดวงนั้นไง เพราะหัวใจดวงนั้นมันยอมรับ ยอมรับสัจจะ ยอมรับความจริง สิ่งใดถูก สิ่งใดผิด ถ้ามันยอมรับมันก็เกิดปัญญาในหัวใจของมัน ถ้าใจของมัน มันจะเป็นความจริงอย่างนั้น

เวลาบอกว่าระดับของทานๆ ทานทำไปทำไม ก็พระพุทธศาสนาสอนถึงนิพพาน ก็ทุกคนต้องนิพพานจบเลย ศาสนาพุทธยอดเยี่ยม ชาวพุทธจะมีความสุขมาก

กิเลสท่วมหัว

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างหนึ่งนะ ในทางยุโรปเขาทำวิจัย เขาทำวิจัยไง เขาบอกว่า เอ๊ะ! ประเทศชาวพุทธทำไมโจรมันปล้น ทำไมมันขี้โกง พระพุทธศาสนาสอนอย่างนั้นนะ พระพุทธศาสนาไม่ได้สอนอย่างนั้นเลย พระพุทธศาสนานี้ยอดเยี่ยมหมดเลย แต่ในเมืองพุทธมันฆ่ามันแกง มันโกงมันชิงกันอยู่นั่นน่ะ

อ้าว! ไอ้นั่นก็กิเลสของมันไง เวลากิเลสของคน เวลาโทษ โทษศาสนา โทษสิ่งที่เป็นประโยชน์ส่วนรวม แต่ไอ้คนทำชั่วมันแอบทำของมันอยู่คนเดียวนั่นน่ะ เวลามันทำแล้วมันกระเทือนวงการไปหมดน่ะ แล้วก็บอกศาสนายอดเยี่ยม ทำไมมันเป็นอย่างนั้น

มันเป็นอย่างนั้นเพราะกิเลสมันหนา กิเลสมันไม่ยอมรับ มันไม่ยอมรับสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น พอไม่ยอมรับสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น เวลาพูดออกมา เหยียบหัวพระพุทธเจ้าแล้วแสดงธรรม

ธรรมและวินัยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้อ่อนน้อมถ่อมตน มันเป็นความจริงหรือไม่เป็นความจริง ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ แม้แต่ความจริงถ้าไม่เป็นประโยชน์ เราก็ไม่พูด เวลาพูดขึ้นมา ใบไม้ในกำมือ สิ่งที่แสดงออกๆ ใบไม้ในกำมือเพื่อเป็นประโยชน์เท่านั้น แล้วสิ่งที่เป็นจริงอีกมหาศาลเลย ใบไม้ในป่า สัจธรรมอีกมากมายมหาศาล

๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ บอกว่า โอ้โฮ! มันยุ่งมันยาก มันจำไม่ได้อยู่แล้ว

นั่นเวลาจำไม่ได้ นี่แม้แต่เป็นความจริงท่านยังไม่พูดเลย ถ้าพูดมาน่ะ โอ๋ย! มันเป็นประโยชน์กับท่าน มันเป็นประโยชน์ชื่อเสียงกิตติศัพท์กิตติคุณของท่าน ท่านไม่สนใจเลย ท่านสนใจไอ้หัวใจสัตว์โลกน่ะ ไอ้ที่ทุกข์ที่ยากน่ะ เพราะความปรารถนา ปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ไง รื้อสัตว์ขนสัตว์ในหัวใจของเราไง

วันนี้วันพระ พระที่ผู้ประเสริฐๆ เราก็จะค้นคว้าหาใจของตนไง

เวลาทำบุญกุศล ทำบุญกุศลนี่ระดับของทาน เวลาทำทาน ถ้าใจเป็นทานนะ คนใจที่เป็นทาน คนที่ใจเป็นธรรม มันธรรมสังเวชเนาะ เราดูสิ คนทุกข์คนยาก คนจน คนรังแกกัน คนพิการ มันสังเวชน่ะ มันมาจากไหน

กรรมของสัตว์ๆ

เวลาใจที่เป็นธรรมนะ มันเห็นแล้วมันสังเวชไปทั้งสิ้น นี่พอเกิดธรรมสังเวช เราเสียสละของเรา ถ้าจิตใจมันเป็นสาธารณะ มันรู้มันเห็น มันจะไปแข่งชั่วกับเขาไหม

เราทำคุณงามความดีๆ ของเรา ไอ้คนชั่วช้าลามกเรื่องของเขา เราสร้างคุณงามความดีของเราว่ะ เราทำคุณงามความดีของเราว่ะ

ทำคุณงามความดีก็เป็นบุญเป็นกุศลในหัวใจนี้ไง ถ้ามันเป็นบุญเป็นกุศลในหัวใจขึ้นมา มันรู้ว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้แล้ว

นั่งสมาธิภาวนา ทำไปทำไม

โอ๋ย! ได้บุญกุศล นั่งปั๊บเป็นพระอรหันต์เลย ไม่มีหรอก ไม่มีทั้งสิ้น

เราต้องมีศีล มีสมาธิ มีปัญญา เราทำความสงบของใจเข้ามา

สมาธิเป็นตัวตนนะ

ก็ตัวตนที่มันเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะไง นี่ไง มันเป็นอนัตตาไง

อนิจจังๆๆ อนิจจังเป็นวิทยาศาสตร์ เป็นเรื่องโลก อนิจจัง สรรพสิ่งในโลกนี้เป็นอนิจจัง สรรพสิ่งในโลกนี้ไง แต่อนัตตามึงไม่เคยเห็นไง เพราะมึงไม่เห็นความเกิดขึ้น

ไอ้ความเกิดขึ้นก็เกิดที่ตัวตนไง เพราะมีตัวตนมันเกิดตรงนั้นไง ถ้าไม่มีตัวตนมันจะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร

ถ้ามีตัวตนขึ้นมา เวลาจิตเห็นอาการของจิต จิตเห็นสติปัฏฐาน ๔ ตามความเป็นจริง ถ้าเห็นตามความจริง เวลาเกิดวิปัสสนาญาณขึ้นมามันจะเข้ามาไง แล้วถ้ามันไม่จับหัวใจของตน ทำสมาธิไม่ได้ ไม่รู้จัก

ความดี ความชั่ว ถ้าเป็นความชั่วของโลกนะ มันเป็นสาธารณะ แต่ถ้าความดีความชั่วของเรา กรรมของสัตว์ แล้วกรรมของสัตว์ ทางโลกเวลาเป็นประเพณีวัฒนธรรม อู้ฮู! สร้างพระ หล่อพระสูงที่สุดในโลก ใหญ่ที่สุดในโลก อู้ฮู! คนนี่แตกตื่น

เวลาหล่อพระนะ เขาบอกทำยากนะ ทำยากนะ

แต่ตัวตนนี่ไง ใจเรานี่ไง ถ้าเรารู้จักใจของเรานี่ไง ถ้าเรารู้จักใจของเรา เราจะสร้างพระในใจ พระปฏิบัติ ครูบาอาจารย์ท่านสอนอย่างนี้ เวลาหลวงปู่มั่นท่านพูดเลย นครพนม พระธาตุพนม หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นเป็นผู้ไปพบทั้งสิ้น สิ่งที่เป็นเรื่องสิ่งมหัศจรรย์ ครูบาอาจารย์ท่านไปพบเป็นวัตถุธาตุ

นี่ไง วัฒนธรรมของชาวพุทธเราไง ท่านไปบูรณะนะ แล้วท่านให้คนอื่นดูแล แล้วเวลาท่านจะเอาจริงเอาจัง “อย่าหลงธาตุ อย่าหลงธาตุ”

วัตถุธาตุ อนิจจัง อนัตตา อนัตตานะ ธาตุรู้ ธาตุรู้ธาตุหัวใจเรานี่ ความรู้สึกนี้ การเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ความทุกข์ความยากอันนี้ แล้วถ้ามันเป็นจริง นี่ภาคปฏิบัติ

เวลาเขาหล่อพระ สร้างพระ อู้ฮู! คนนี่คึกเลยนะ ได้บุญไหม ได้บุญ แล้วได้บุญจริงๆ นะ คำว่า “ได้บุญจริงๆ” เวลาคนไปกราบไปไหว้ไง ชาวพุทธเรานะ พอไปกราบไปไหว้มันเกิดศรัทธา เกิดความมั่นคงในหัวใจ นี่เราบอกศรัทธา แล้วถ้ามันคลอนแคลนนะ

เวลาพระอานนท์ถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า “องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว เวลาระลึกถึง ระลึกถึงอย่างไร”

คำว่า “ระลึกถึง” พวกเราเป็นปุถุชน เวลาระลึกถึงมันก็ไม่เห็นตัวเห็นตนไง เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว พระอานนท์สำเร็จเป็นพระอรหันต์ เวลาท่านเผยแผ่ธรรมไปไง ท่านยังดำรงชีพ ใครเห็นพระอานนท์ก็ร้องไห้ ใครเห็นพระอานนท์ก็ร้องไห้ เพราะพระอานนท์จะมาคู่กับพระพุทธเจ้าตลอด

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ปรินิพพานไปแล้ว เห็นพระอานนท์ก็ระลึกถึงพระพุทธเจ้า เห็นพระอานนท์ก็ระลึกถึงพระพุทธเจ้าไง

สิ่งที่เวลาพระอานนท์ถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า “องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว เวลาประชาชนคิดถึงให้ทำอย่างไร”

“ให้ไปกราบไหว้สังเวชนียสถานทั้ง ๔ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิด ตรัสรู้ แสดงธัมมจักฯ ปรินิพพาน”

เราก็สร้าง สร้างพระองค์ใหญ่ที่สุดในโลกๆ ก็เป็นสัญลักษณ์ เป็นตัวแทนเอาไว้กราบไว้ไหว้ไง สิ่งนี้ให้ระลึกถึง ให้มีศรัทธา เพราะอะไร เพราะเป็นปุถุชน มันไม่มีสิ่งใดที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวได้ มันคลอนแคลน มันก็ต้องมีสัญลักษณ์เอาไว้ให้เป็นที่เคารพ

แต่ถ้ามันมีศรัทธามีความเชื่อขึ้นมา ฟังธรรมๆ ขึ้นมา พอจิตใจมันเป็นธรรม จิตใจเป็นสาธารณะ มันทำความสงบของใจเข้ามา เวลาจิตมันสงบ โอ้โฮ! ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน นี่ไง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแท้ๆ เลย พุทธะ พุทธะ พุทธะ กลางหัวใจนี้ พระกรรมฐานเราเขาค้นคว้า เขาจะเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์เป็นๆ น่ะ

แล้วองค์เป็นๆ พุทธะ ถ้ามันใช้สติใช้ปัญญาขึ้นไป ค้นคว้าขึ้นไป มันเกิดจักร ธรรมจักรที่จะบดบี้สีไฟกิเลสตัณหาความทะยานอยากในใจของเรา นี่มันเป็นประโยชน์อย่างนี้ แล้วถ้ามันเป็นความจริงอย่างนี้ มันเป็นการกระทำอย่างนี้ มันจะสร้างพระในหัวใจไง สร้างพระแท้ๆ ไง

เวลาหล่อพระๆ อู้ฮู! คึกคัก ถ้ามันทำได้ แล้วมันเป็นประโยชน์ไหม เป็น เป็นอำนาจวาสนาบารมีของตน ใครทำคุณงามความดีก็ได้คุณงามความดีนั้น แต่คุณงามความดี อยากสร้างพระในหัวใจ เรามาวัดมาวากัน เรามาวัดหัวใจไง

หลวงปู่ฝั้นท่านสอน ข้อวัตรคือวัดหัวใจ วัดความรู้สึกของเรา วัดความเข้มแข็งของเรา วัดสติปัญญาของเรา

ถ้าสติปัญญาของเรานะ ควบคุมได้หมดเลย มันสั่งนะ นั่ง นั่งครับ นั่งเลย ฝึกหัด อ้าว! ฝึกหัด ฝึกหัดใช้ปัญญา มันฝึกหัด นี่ไง ถ้าคนดีมันสั่งเราได้เลย

สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี

เวลาจิตมันฟุ้งมันซ่าน มันทุกข์มันยาก มันมีแต่ฟืนแต่ไฟ แต่เวลาทำความสงบของใจเข้ามา สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี

กระเสือกกระสนกันไปนะ สังเวชนียสถานทั้ง ๔ เราพยายามของเรานะ สร้างสติปัญญาเพื่อไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากลางหัวใจนี้ มีการประพฤติปฏิบัติไง แล้วเวลามันสูงมันส่งขึ้นมา บุคคล ๔ คู่ หัวใจมันมหัศจรรย์มาก เวลาโสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล สกิทาคามิมรรค สกิทาคามิผล อนาคามิมรรค อนาคามิผล อรหัตตมรรค อรหัตตผล ถ้ามันเป็น มันรู้ระดับของมัน มันรู้ถึงผลของมัน รู้ถึงระดับของมัน คุณธรรมๆ ไง ถ้ามันมีความจริงๆ เวลาแสดงออกไง

เวลาครูบาอาจารย์ท่านเป็นธรรมจริงๆ นะ ดูสิ เวลาหลวงปู่มั่น เวลาหลวงตา เมื่อก่อนท่านไม่ให้เข้าไปสังคมเด็ดขาด ท่านให้ไปอยู่ที่สงบสงัดเพื่อวัดหัวใจของตน เขาไม่ปล่อยตัวให้มันเด้นด้านหรอก

มันเหมือนกับที่มีเชื้อโรค พวกเราถ้าเป็นคนปกติ เราจะไม่เข้าไปที่นั้น เพราะไปที่นั้น เวลาไข้หวัดนก อู้ฮู! หลบหลีกกันใหญ่ ไอ้นี่ก็เหมือนกัน สิ่งที่เราไปๆ มันทำให้เราฟุ้งซ่าน มันทำให้เราส่งออก ไปทำไม เวลาหลวงปู่มั่น หลวงตา ท่านไม่ให้เข้าไปเด็ดขาด ท่านควบคุมของท่าน

แล้วเวลาครูบาอาจารย์ หลวงปู่มั่นท่านไม่เคยเข้าไปสังคมเลย หลวงตาถ้าไม่จำเป็นท่านไม่มาหรอก ไอ้ที่มา มาเพื่อช่วยชาติ ท่านเสียสละอุดมคติของท่านเพื่อมายกชาติ เพื่อประโยชน์กับโลก ท่านเสียสละอุดมคติเลย นั่นท่านทำของท่าน

ถ้าเป็นจริงๆ นี่ครูบาอาจารย์ที่เป็นจริง สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี พอจิตสงบแล้วมันมีวิหารธรรม มันเหนือโลก มันไม่มีอะไรมีค่าเท่านั้นหรอก

พระโสดาบันมีคุณสมบัติอย่างไร

สีลัพพตปรามาส ไม่ลูบไม่คลำ ไม่ลูบไม่คลำธรรมและวินัยเลย ศีลนี่ไม่ลูบไม่คลำ มันจริงๆ จริงๆ มันจริงทั้งหมดน่ะ แล้วถ้ามันจริง ไม่ถือมงคลตื่นข่าว ไม่เคารพเรื่องนอกพระพุทธศาสนา พุทธะชัดๆ พุทธะชัดเจนเลย

นี่พูดถึงนะ ถ้าคุณสมบัติถ้ามันเป็นจริง มันแสดงออกมันก็รู้ คนที่จริงเขามอง เขารู้ เขามองออกได้ แต่ถ้ามันไม่เป็นความจริง มันยิ่งแสดงออกยิ่งขายโง่ ปล่อยไก่เป็นครอกๆ

แต่ถ้าเป็นความจริงนะ มันฟังไม่รู้หรอก มันเองต่างหากไม่รู้ จิตใจที่สูงกว่า จิตใจที่ต่ำกว่ารู้ไม่ได้หรอก รู้ไม่ได้ แล้วการแสดงออกนั้นไง ถ้ามันเป็นธรรม ถ้าเป็นธรรมจริง เราแสวงหากัน เขาสร้างพระภายนอก เราพยายามจะสร้างพระเป็นๆ สร้างพระจริงๆ คุณธรรมในหัวใจของเรา

หลวงตาท่านพูดเอง พระทรงธรรมทรงวินัยไม่ได้ ใครจะทรง พระทรงธรรมทรงวินัยไม่ได้ ใครจะทรง

พระจะทรงแต่เงินแต่ทอง แล้วก็ผลักคุณธรรมไปให้ญาติโยมเขาทรงใช่ไหม พระก็เห็นแต่แบงก์ แต่ไม่รู้จักธรรม

ไอ้โยมมาน่ะ ทำบุญๆๆ คุณธรรมมันไปอยู่กับโยมซะ พระได้แบงก์หรือ นี่ไง ถ้ามันเป็นความจริง ไร้สาระ ว่าไอ้หลังลายๆ ไอ้สิ่งนั้นมันเป็นประโยชน์กับโลก ถ้าเป็นประโยชน์กับโลกก็อยู่กับโลกนั้นซะ ถ้าประโยชน์กับธรรม ธรรมที่มันเหนือกว่ามันเหนืออย่างไร มันต้องเหนือให้เห็นสิ เหนือโดยสัจจะความจริงสิ ถ้าเหนืออย่างนั้นธรรมเหนือโลกเหนือสงสาร เอวัง